จนประมาณปี 2474 ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ได้จาริก มาที่อำเภอปาย โดยตั้งมั่นว่าจะมาบูรณะวัดที่รกร้าง สร้างโบสถ์ วิหาร เจดีย์ เมื่อชาวบ้านได้ทราบข่าวว่าครูบาศรีวิชัยจาริกมา ที่อำเภอปาย จึงได้ไปกล่าวนมัสการให้ท่านทราบ ว่ามีพระที่อยู่ใต้ต้นไม้ ไม่มีเสนาสถานะ กันแดดกันฝน จากนั้นครูบาศรีวิชัยจึงได้บูรณะวัดน้ำฮู และอาราธนาพระพุทธรูปอุ่นเมืองเข้าประดิษฐานในวิหาร ก่อนที่ท่านจะจาริกกลับได้มอบหมายให้พระลูกศิษย์ อยู่ดูแลที่วัดแทน
จนปี 2515 มีพระธุดงค์มาจากต่างจังหวัดเพราะทราบข่าว อยากรู้ อยากเห็น จึงขอกราบนมัสการและขอขึ้นดูแล้วพบว่าน้ำเต็มจริง สอบถามได้ความว่าเป็นน้ำที่ขังมาจากสงกรานต์แต่พระธุดงค์ไม่เชื่อจึงขอทดลอง โดยการเปิดเกศเมาลีออกแล้วเอาช้อนตักน้ำออกจนหมด จากนั้นนอนเฝ้า 3 วัน 3 คืน เพื่อสังเกต เมื่อครบ 3 วันพระธุดงค์ได้เปิดพระเศียร ปรากฏว่า พบน้ำซึมออกมาอีก จึงบอกว่าน้ำในพระเศียรไม่ใช้น้ำที่มาจากวันสงกรานต์เพราะได้ตักน้ำนั้นออกหมดแล้วก่อนที่จะทดลอง
อีกทั้งยังนอนเฝ้า ไม่มีใครมาสรงน้ำพระแน่นอน แต่ชาวบ้านบางส่วนยังไม่เชื่อเนื่องจากพระพิสูจน์เพียงรูปเดียวจึงเป็นที่เล่าลือทั่วเมืองปาย
และปี 2516 นายอำเภอปาย อยากทราบข้อเท็จจริง จึงนำเจ้าหน้าที่ราชการและทีมงานมาพิสูจน์ โดยการตักน้ำออกจากพระเกศจนหมดใช้สำลีเช็ดจนแห้ง เอาพระเกศครอบลงแล้วปิดครั่งประทับตราเพื่อไม่ให้ใครเอาน้ำมาใส่ จากนั้นปิดประตู หน้าต่าง ล็อกกุญแจ นำลูกกุญแจไปไว้ที่อำเภอ เมื่อครบ 5 วัน ได้ทำการเปิดพระเกศอีกครั้ง ปรากฏว่ามีน้ำซึมออกมาจากภายในพระเศียร พระพุทธรูปอุ่นเมืองจริง การที่มีน้ำซึมออกมาจากภายในพระเศียรพระพุทธรูปอุ่นเมืองนี้ทำให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์และข่าวได้แพร่ออกไปทำให้ประชาชนมานมัสการจนปัจจุบัน
และก่อนหน้านี้ผมเองก็ได้มีโอกาสขึ้นไปชมความอัศจรรย์นี้ด้วยตาของตัวเอง
ใครที่ได้มีโอกาสไปปายก็อย่าลืมแวะไปกราบไหว้สักการะพระพุทธรูปอุ่นเมืองที่วัดน้ำฮูด้วยนะครับ
#meesookde
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น