บ้านหว่าญ่า มุมสงบ บนม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่

บ้านหว่าญ่า มุมสงบ บนม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่

หนาวนี้..แน่นอนครับจุดหมายหนึ่งของนักเดินทางต้องมีชื่อของม่อนแจ่มด้วยแน่นอน ด้วยความที่บริเวณนั้นมีหลายม่อนมีหลายที่พัก มีตัวเลือกมากมายมีวิวและความชิลเป็นตัวแปรสำคัญ ครั้งนี้ผมได้มีโอกาสขึ้นม่อนแจ่มแล้วไปพักที่บ้านหว่าญ่า จะสวยและชิลขนาดไหนตามมาครับ

บ้านหว่าญ่า เป็นรีสอร์ทน้องใหม่ที่เพิ่งเกิดอยู่ในเครือญาติของ ม่อนม้ง มีห้องพักแค่ 6 ห้องเป็นบ้านกล่อง 4 ห้อง บ้านถ้ำ 2 ห้อง ผมนอนที่นี่ 2 คืน ได้นอนทั้งบ้านกล่องและบ้านถ้ำ ถือว่าโชคดีเพราะไปทีเดียวได้นอนสองแบบเลย ที่นี่ไม่มี Wi-Fi นะครับแต่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือสามารถเล่นเน็ตได้ตามแพ็คเกจโทรศัพท์

ก่อนที่จะมาบอกว่าบ้านแต่ละหลังเป็นยังไง ขอบอกก่อนเลยว่า ส่วนกลางชิลมากเป็นจุดทานอาหารและกาแฟที่ชิลและฟินสุดๆ วิวประหนึ่งเป็นวิว Infinity วิวภูเขา อากาศเย็นกำลังดีผมนั่งสูดอากาศอยู่เกือบชั่วโมงท่ามกลางแสงแดดช่วงบ่ายสี่โมง แล้วถึงลงไปดูห้องนอนของคืนแรก คือ บ้านถ้ำ

บ้านถ้ำ บรรยากาศเหมือนถ้ำขนาดกะทัดรัด 2 ชั้น มีระเบียงหน้าห้อง สำหรับผมระเบียงหน้าห้องนี้ชิลและฟินมากดูกลมกลืนกับธรรมชาติเพราะพื้นปูด้วยไม้ไผ่ ด้านล่างไปเป็นไร่กะหล่ำปลี ที่ระเบียงนั่งรับลมได้สบายๆ มีเบาะมีโต๊ะ ใครที่ชอบนั่งชิลนั่งเขียนตรงนี้เหมาะมาก ยิ่งถ้ามีเครื่องดื่มยิ่งชิลเหมาะกับการปล่อยชีวิตเสพบรรยากาศมากที่สุด 

เข้ามาในห้องชั้นล่างเป็นห้องน้ำและที่ว่าง ประตูเป็นกระจกบานเลื่อนไม่มีม่าน (น่าจะมีม่านสักหน่อย) มีหินงอกหินย้อยให้อารมณ์ถ้ำ บ้านถ้ำมี 2 ห้อง ห้องที่ผมนอนคือห้องที่ 2 วันที่ไปไม่มีทีวีและไม่มีกระจกส่องแต่ทีวีนำมาติดในบ่ายของอีกวันหลังจากที่ผมแซวไปเยอะ เครื่องอาบน้ำมีแชมพูและสบู่ แต่ตอนจะอาบน้ำช่วงสามทุ่มกว่าผมโชคร้ายนิดๆที่เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ทำงานเลยแจ้งเจ้าหน้าที่เขาก็พยายามแก้ไขอยู่พักใหญ่ เครื่องทำน้ำอุ่นก็พอใช้ได้แต่น้ำไม่แรง แต่ก็ไม่เป็นไรน้ำเย็นๆก็ได้สะใจดีและเรื่องที่สำคัญคือห้องนี้ล็อคห้องจากข้างนอกไม่ได้ตายล่ะ ดีนะที่อีกคืนย้ายนอนบ้านกล่อง (เรื่องนี้ทางรีสอร์ทเองก็รู้และคงจะนำไปแก้ไข)

ดูเหมือนผมติโน่นนี้ แต่ชมก็เยอะนะครับฮ่าๆ จากชั้นล่างของบ้านมาที่ชั้นสองดีกว่าครับ ชั้นนี้มีไว้สำหรับนอน บนหัวนอนเป็นหน้าต่างกระจกสไลด์ เปิดรับอากาศและชมวิวได้เลย ตรงนี้ถือว่าชิล รวมๆแล้วสำหรับผม ถ้าสิ่งที่ติได้รับการแก้ไขจะเพอร์เฟ็คมาก กลับมาที่ความชิลดีกว่าบ้านกล่องไว้ค่อยบอกวันรุ่งขึ้น

ก่อนเย็นกลัวจะไม่มีอะไรกินเลยไปสั่งอาหาร ทางรีสอร์ทบอกว่า ตอนนี้ครัวอาหารไทยอยู่อีกที่ให้สั่งล่วงหน้าเพราะใช้เวลาค่อนข้างนาน ผมเลยสั่งมาชุดใหญ่เพราะถ้าไม่พอกินรอรอบหลังคงนาน ผมสั่งอาหารล่วงหน้าไปประมาณ 2 ชั่วโมง สิ่งที่อยากกินคือ กระเพราหมูสับไข่ดาว แต่ได้ของแถมสั่งเพิ่มคือ กุ้งแซ่บ ยำวุ้นเส้น ข้อไก่ทอด และเด็ดสุดกินบนดอยคือ หมูกะทะ คิดดูสิครับ อากาศเย็นๆมีอะไรร้อนๆให้กิน มันชิลจริงๆนะ

ระหว่างรออาหารก็นั่งสูดโอโซนที่ระเบียงหน้าห้องและนั่งรอดูพระอาทิตย์ตกด้วยความหวังจะเห็นไข่แดงดวงโตๆ แต่ก็ผิดหวังเพราะว่ามีสันเขาบัง ทำให้เห็นตอนแสงแดดแรงน่าเสียดายที่สุด เสียดายที่อดเก็บภาพ

เช้าวันที่สองแอบลุกจากที่นอนแต่เช้า แต่แค่ยกหัวให้พ้นหมอนแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่างว่ามีทะเลหมอกไหม ดูแล้วไม่มีก็นอนต่อครับเพราะว่า Slow Life  ไม่ได้หาเรื่องตื่นสายนะครับเพราะนัดอาหารเช้าไว้ 8 โมง อาหารเช้าที่นี่ไม่มีอะไรมากครับเพราะว่ามีห้องพักแค่ 6 ห้อง จะเป็น American Breakfast  ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำส้ม ส่วนที่กินมื้อเช้าก็ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไงดูภาพเอาแล้วกันครับ

นอนที่บ้านหว่าญ่าสองคืน เช้านี้เลยชิลๆเรื่อยๆหามุมถ่ายรูปไปเรื่อย มองเห็นภูเขาอยู่ไกลๆถามเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าเดินไปได้ ผมก็คิดหนักแต่โชคดีที่เขาให้ยืมรถมอเตอร์ไซด์เลยตัดสินใจได้ง่ายเลย แต่ทางที่ไปก็เอาเรื่องอยู่ครับผ่านไร่ข้าวโพด ไร่กะหล่ำปลี ไร่ผักกาดหอม จนจอดรถเดินเท้าต่อขึ้นภูเขาไปบนไร่ฟักทอง

วิวตรงนี้ชิลมากและโชคดีที่เจอ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ถึงแม้ว่าจะมีต้นเดียวดอกน้อยแต่ก็เหมือนกับว่าไม่ต้องไปตามล่าหาที่ไหนแล้ว

บ้านกล่อง ห้องนี้วิวสวยมุมสูงรับลมเต็มที่เป็นห้องขนาดกะทัดรัด มีระเบียงยื่นออกไปให้นั่งเล่นด้านล่างเป็นไร่กะหล่ำปลี ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น น้ำไหลแรงแต่ไม่มีที่ฉีดก้นแต่คิดว่ารีสอร์ทคงจะนำไปติดเพิ่มทีหลัง เครื่องอาบน้ำมีแชมพูและสบู่ครับ รวมๆแล้วห้องนี้โอเคครับ อีกอย่างห้องด้านบนแยกเป็นห้องใครห้องมันไม่ได้ใช้ผนังร่วมกันเพราะฉะนั้นถ้าห้องข้างๆเสียงดังก็ไม่ได้ส่งผลอะไรครับ

โดยรวมแล้วสำหรับผม “บ้านหว่าญ่า” เป็นมุมสงบแห่งหนึ่งบนม่อนแจ่มเพราะไม่ได้เป็นทางผ่านไปรีสอร์ทแห่งอื่นจะมีก็เพียงรถของชาวบ้านที่ไปทำไร่ซึ่งมีน้อยมาก มีจุดเด่นเรื่องวิวที่มองออกไปจากห้องพักแทบไม่เห็นหลังคาบ้านคนและหลังคารีสอร์ทและความชิลกับความยิ้มแย้มของพนักงานเป็นจุดสำคัญอันหนึ่งที่จะทำให้ผมกลับไปอีกครั้ง

บรรยากาศ 10/10

การบริการ 8.5/10

ความคุ้มค่า 8/10

อาหารเช้า 7.5/10

ทำเลที่ตั้ง 10/10

ฝากติดตาม Facebook Fanpage  Mr.MEESOOKDE

ติดต่อสำรองห้องพักได้ที่  097-9322282

*** การเดินทางใช้เส้นทาง เชียงใหม่-แม่ริม-สะเมิง เลี้ยวขวาขึ้นทางม่อนแจ่มตรงตามทางประมาณ 6-7 กิโลเมตรจะเริ่มเจอป้ายบอกทางไปบ้านหว่าญ่า หรือพิกัดไปที่บ้านม่อนวิวงาม เพราะบ้านหว่าญ่าถึงก่อนประมาณ 100 เมตร รถเก๋ง รถกระบะ รถมอเตอร์ไซด์สามารถขึ้นได้

บ้านชิดกรุง กุ้งเผา ตัวโต๊โต สามโคก ปทุมธานี

บ้านชิดกรุง กุ้งเผา สามโคก ปทุมธานี

บ่ายๆของวันอาทิตย์นึกครึ้มใจอยากกินกุ้งเผาตัวใหญ่ๆมันเยิ้มๆแต่ไม่อยากขับรถไปถึงอยุธยาและต้องพึ่งโซเชียลมีเดียในการหาข้อมูล หาไปหามาก็เจอร้านที่สามโคก ปทุมธานี เลยตัดสินใจขับรถไปยังที่หมายโดยไว

ผมขึ้นทางด่วนแล้วมาลงตรงป้าย รังสิต แล้วเลี้ยวซ้ายเจอไฟแดงแรกที่มีลอยข้ามแยกไม่ต้องขึ้นเพราะเราต้องเลี้ยวขวาจากแยกตรงไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็ถึง ทางเข้าอยู่ขวามือมีป้ายบอก หรือพิกัดง่ายๆคือ ตม.สามโคกซอยเดียวกันเลยครับ จอดรถตรงลานด้านนอกแล้วเดินเข้าไปอีกประมาณ 30 เมตร

ทางเข้าร้านเป็นตรอกเล็กๆ เมื่อถึงหน้าร้านมีพนักงานเดินเข้ามาหาพร้อมสวัสดี(ชอบตรงนี้ดูใส่ใจ) และที่ดีไปกว่าเดิมคือได้นั่งริมน้ำเพราะว่าตอนที่ไปยังไม่เย็นมาก ประมาณสักบ่าย 4 โมงกว่าๆ

ตามป้ายใหญ่ กุ้งนักเลงโต 1700 บาท กุ้งนักเลง 3 ตัวโล 1600 บาท กุ้งขาใหญ่ 4 ตัวโล 1500 บาท เสียดายวันที่ผมมากุ้งนักเลง หมดเหลือแต่กุ้งขาใหญ่ เลยจัดมา 1 กิโลกรัมให้อิ่มเปรม แต่นอกจากกุ้งเผายังสั่งเมนู สายบัวผัดกุ้งสด ปลาทูต้มมะดัน ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนและหอยแครงแซ่บ

กุ้งขอใหญ่ถูกผ่าครึ่งมันเยิ้มสีส้มตักมาราดบนข้าวสวยร้อนๆราดน้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยมาก

สายบัวผัดกุ้ง สายบัวกรุบกรอบรสออกหวานนิดๆตามรสชาติต้นฉบับอร่อยดี

ปลาทูต้มมะดัน รสชาติจัดจ้านเปรี้ยวนำปลาทูเนื้อไม่แข็ง

ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน ใช้กะทิผัดกับเครื่องพริกแกงกลิ่นหอม

หอยแครงแซ่บเป็นหอยแครงลวกเย็นราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด 



เช็คบิลมา 2,335 บาท 
ที่นี่ไม่รับบัตรเครดิตนะครับ 


การบริการผมให้ 9 เต็ม 10 
รสชาติ 9 เต็ม 10 
บรรยากาศ 9 เต็ม10 
ความคุ้มค่า 8 เต็ม 10