วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เชียงราย สองดอย หนึ่งภู


Mr.Meesookde รายงานตัวครับผม ทริปนี้พาเที่ยวเชียงรายแบบจัดแน่น คือ จิบชาดอยแม่สลอง เลยมานอนที่ผาตั้งต่อด้วยภูชี้ฟ้า เรียกว่าเที่ยวเชียงรายแบบ "สองดอยหนึ่งภู"

ทริปนี้วางแผนการเดินทางด้วยตั๋วเครื่องบินในราคาโปรโมชั่นส่วนที่พักหาง่ายสบายมาก

ผมออกเดินทางด้วย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ จากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่สนามบินเชียงราย 


  
  









จากนั้นก็รับรถเช่าแล้วมุ่งหน้าไปหาของกินที่ดอยแม่สลองทั้ง ขาหมู หมั่นโถว สูตรยูนาน กินสักหน่อยที่ ร้านน้องอิ่ม อาหารหลักๆของจีนยูนานส่วนมากก็ขาหมู เห็ดหอม ยอดมะระ ไก่ตุ๋น ร้านน้องอิ่มผมมากินเป็นครั้งที่สอง ขาหมูของเขามีความหอมของเครื่องเทศยาจีน เนื้อเปื่อยนุ่ม ส่วนเมนูเห็ดหอมอบซีอิ๊ว เป็นเห็ดหอมสดครับหร่อยดีและผัดยอดมะระเขาการันตีว่าปลอดสารพิษ ไม่ใส่ผงชูรส





หลังจากอิ่มท้องก็แวะไปเยี่ยมเยียน เหม่ยยี่ ร้านชาเหม่ยยี่ พอดีบังเอิญรู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน เวลาผมมาเชียงรายก็จะแวะมาหาทุกทีและด้วยความเป็นมิตร เหม่ยยี่ก็ส่งชาให้ผมได้ลิ้มรสทุกปี ร้านนี้เป็นร้านหนึ่งที่ผลิตชาเองตั้งแต่การปลูก จนถึงการบรรจุ ถึงแม้ว่าร้านไม่ใหญ่มากแต่คุณภาพและมิตรไมตรีไม่เป็นสองรองใครแน่นอน นั่งคุยกันพักใหญ่จิบชาไปสามกาพร้อมผลไม้ดองก็เลยซื้อชาติดไม้ติดมือกลับมาเช่นเคย  จากนั้นไปนั่งจิบกาแฟต่อที่ สวีทแม่สลองคาเฟ่











จิบกาแฟเสร็จก่อนลงดอยแม่สลองแวะถ่ายรูปที่ไร่ชา 101 









เวลาล่วงเลยไปบ่ายโมงกว่าเกือบจะบ่ายสอง จากนั้นก็ลงดอยแม่สลองแล้วเดินทางมุ่งหน้าสู่ผาตั้งฮิลล์ เพราะวันรุ่งขึ้นจะขึ้นดอยผาตั้ง จากดอยแม่สลองก็ใส่พิกัด GPS ไปยังเป้าหมาย ดูจากแผนการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง คือเดินทางลงจากดอยแม่สลองมาถึงดซนสนามบินประมาณ 1 ชั่วโมงและจากโซนสนามบินไปดอยผาตั้งประมาณ 2 ชั่วโมง การนำทางของแผนที่พาลัดเลาะไปทางที่นักท่องเที่ยวไปน้อง คือ ขึ้นผาตั้งเส้นทางผ่านขุนตาล ถนนเป็นทางรถสวนกันมีทั้งลาดยางและคอนกรีต เส้นทางนี้มีวิวให้ชมเพลินๆแต่ว่าทางค่อนข้างชันและคตเคี้ยวมีโค้งเยอะมาก แนะนำมือใหม่ถ้าจะไปผาตั้งให้ไปทาง อ.เทิง ทางจะชันน้อยกว่าและถ้าใช้รถเครื่อง 1,500 cc. ขึ้นไปจะดีมาก ขึ้นเขาลงเขาแนะนำให้ใช้เกียร์ต่ำ

แต่เส้นทางนี้ผมชอบที่มีวิวให้ดู มีรถน้อยๆ สามารถเปิดกระจกขับรถได้แบบไม่ต้องกลัวควันรถแต่กว่าจะถึงที่พัก แสงจากพระอาทิตย์ก็ใกล้จะหมดเต็มที เลยรีบเข้าไปติดต่อแล้วออกไปหาอาหารเย็นกิน







  



อาหารเย็นแถวผาตั้งมีเปิดเพียงไม่กี่ร้าน หนึ่งในนั้นคือร้านบ้านดิน ร้านอาหารสไตล์จีนยูนาน มื้อนี้จัดมาเบา 3 อย่าง ต้ม ผัด ทอด แต่ที่เพิ่มเติมคือทางร้านแถมน้ำชาร้อนให้ด้วยนะครับ 









เช้าวันใหม่ตื่นนอนแต่เช้ามืด เพราะตี 5 ครึ่งจะขึ้นไปดอยผาตั้ง ล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวแล้วรีบออกเดินทางเพราะว่ากลัวจะไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น จากที่พักขึ้นลานจอดรถต้องขับรถประมาณ 2 กิโลเมตรแล้วต่อด้วยการเดินเท้า ตอที่ไปถึงลานจอดรถ ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ร้านค้าก็ไม่เปิด คิดในใจ วันธรรมดาน่าเที่ยวจริงๆด้วย เพราะไม่มีคนอื่นเลยสักคน จากนั้นก็รีบเดินขึ้นเขาเพื่อไปจุดชมวิวซึ่งต้องเดินผ่านหินยูนาน ช่องเขาขาด เพื่อชมวิวบนเนิน 101 ถ้าจะเดินไปเนิน 103 คิดว่าไม่ทันพระอาทิยต์ขึ้นแน่นอน เอาเป็นว่าตั้งกล้องถ่ายรูปรอได้เลย 


บรรยากาศตอนที่เริ่มมีแสงอาทิตย์ ด้านล่างเป็นทะเลหมอกที่ไม่แน่นมาก มองเห็นแม่น้ำโขงและวิวฝั่งลาว มีลมพัดเอื่อยและแรงสลับกันเป็นช่วงๆ เมฆและหมอกวิ่งผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว อากาศเย็นสดชื่นประมาณ 18 องศา ผมยืนอยู่ไม่นานแสงอาทิตย์แรกของวันก็ค่อยๆโผล่ออกมา ทอแสงสีทองสวยงาม ผมใช้เวลาอยู่ที่ผาหินตั้งประมาณ 2 ชั่วโมง เดินวนถ่ายรูปและเสพบรรยากาศให้เต็มอิ่ม เพราะคิดว่าถ้ามาหน้าท่องเที่ยวคงไม่มีโอกาสได้ชิวแบบนี้แน่นอน 
















































ขากลับแวะร้านกาแฟ บ้านกาแฟ เพราะน่าจะเป็นร้านเด่นร้านดังที่สุดในบริเวณนี้ เรื่องของเรื่องช่วงเช้าอากาศเย็นเลยจะหากาแฟร้อนจิบสักแก้ว หน้าร้านก็เป็นร้านกาแฟธรรมดาแต่มีเครื่องชงตั้งเด่นดูแล้วต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เห็นป้ายราคากาแฟก็ไม่แรง กาแฟขี้ชะมดแก้วละ 300 บาท ส่วนกาแฟทั่วไปก็ 35-50 บาท ถือว่าปรกติแต่วิวนี่ดีงามมากเรียกว่าจิบกาแฟชมวิวทะเลหมอก


สรุปผมเลยสั่งกาแฟขี้ชะมดมาชิม กาแฟขี้ชะมดถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำผึ้งป่า เพื่อให้เราปรุงเอง กาแฟเวลาใส่น้ำผึ้งจะได้รสที่ละมุนอีกแบบ แต่กาแฟหอมกรุ่นอยู่ในคอ รสขมแทบไม่รู้สึกหรือเรียกว่าขมอ่อนๆ เรียกได้ว่าเป็นการจิบกาแฟที่ฟินที่สุดทั้งรสชาติและวิวบรรยากาศ


หลังจากกาแฟหมดแก้วเลยไปคุยกับเจ้าของร้านเรื่องกาแฟขี้ชะมด ชาวบ้านที่นี่มีการปลูกกาแฟอยู่หลายเจ้า แต่ทำกันเองส่วนกาแฟขี้ชะมดจะเป็นกาแฟขี้ชะมดป่า ที่นี่ไม่ได้เลี้ยงชะมดเพื่อทำกาแฟ แต่ชะมดป่าจะเข้ามากินกาแฟในไร่เอง ซึ่งพอกินก็ขี้อยู่ในไร่ เจ้าของไร่ก็จะไปเก็บมาเข้ากระบวนการบ่มอีกที ซึ่งปรหนึ่งเก็บได้ประมาณ 100-150กิโลกรัมแต่พอผ่านกระบวนการต่างๆน้ำหนักจะหายไปประมาณครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเท่ากับว่ากาแฟขี้ชะมดของที่นี่เป็นกาแฟขี้ชะมดป่าที่มาพร้อมน้ำผึ้งป่าครับ 


























จิบกาแฟเสร็จก็กลับที่พักจัดมื้อเช้าคือเข้าต้มไข่ เพิ่งเคยกินครั้งแรกเหมือนกันก็อร่อยดีครับ และบรรยากาศตอนเช้าดีมาก มีแต่หมอกเย็นๆรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันตลอดเวลา หลังจากอิ่มท้องก็เข้าห้องเตรียมตัวเก็บข้าวของและเดินทางต่อไปภูชี้ฟ้า






จากดอยผาตั้งมุ่งหน้าภูชี้ฟ้า ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร เส้นทางลัดเลาะไปตามภูเขาเส้นทางเส้นนี้ก็ถือว่าสวยครับ มีวิวให้ดูตลอดทางใช้เวลาขับรถชมวิวประมาณชั่วโมงหน่อยๆก็มาถึงที่พัก ม่านฟ้าฮิลล์


ม่านฟ้าฮิลล์ เป็นรีสอร์ทน้องใหม่แถวภูชี้ฟ้าก็ว่าได้ เพราะเพิ่งเปิดได้ไม่นานเท่าไรนัก ที่พักดูสะอาดและเหมาะกับนักท่องเที่ยวอย่างผม ห้องพักที่นี่มีห้องน้ำในตัว มีทีวี ตู้เย็น แต่ไม่มีแอร์นะครับเพราะอากาศเย็น ส่วนค่าห้องที่ผมพัก 2,000 บาท รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า พี่เจ้าของใจดีครับ บริการดีไม่ได้เน้นเป็นธุรกิจจ๋า 

















เก็บข้าวของเข้าที่ขับรถเล่นแถวภูชี้ฟ้า ขับวนไปมาหาข้าวกินแล้วเดินขึ้นภูชี้ฟ้าก่อนหนึ่งรอบ เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ฟ้าจะเปิดหรือไม่เลยขอเดินขึ้นไปเก็บภาพไว้ก่อน ซึ่งตอนที่ขึ้นไปประมาณบ่ายโมง แต่เชื่อไหมว่าอากาศไม่ร้อนเลยและหมอกเยอะมาก แต่ยังพอมีจังหวะให้ได้ภาพที่สำคัญในภาพไม่มีรูปคนติดมาด้วยนะครับ เรียกว่าวิวล้วนๆ





















กลับมาถึงที่พักก็เข้าเวลามื้อเย็น มื้อเย็นมีอาหาร 4 อย่าง ปลาทอด ต้มยำ ไข่เจียว ผัดพักแม้ว แถมถ้วยฟูกับผลไม้ ส่วนมื้อเช้า กาแฟ ข้าวผัดกุ้งครับ มุมโซนกินข้าวที่นี่วิวค่อนข้างดีครับ เช้าๆมีหมอกเยอะมากบรรยากาศแบบชิวๆ












  
  
  



เช้าวันที่สามของทริป วันนี้มีแค่การเดินขึ้นเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนภูชี้ฟ้า จากรีสอร์ทผมขึ้นทางด้านหลังได้เลยซึ่งอยู่ห่างเพียงแค่ 1-2 กิโลเมตร ทางขึ้นฝั่งนี้ไม่ค่อยมีใครขึ้น ยิ่งเป็นช่วงนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวขึ้นเลยครับ ผมขึ้นช่วงตีห้ากว่าหมอกวิ่งผ่านตัวชนิดที่ว่ามองเห็นข้างหน้าได้ไม่เกิน3เมตร เลยคิดในใจว่าวันนี้คงได้หมอกอย่างเดียวแน่ๆแต่ก็ยังพอมีจังหวะโชคดีแต่ก็ยังไม่สุดเพราะไม่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นรองอยู่จน 8 โมงเช้าพระอาทิตย์ก็ยังไม่มา สรุป มาภูชี้ฟ้ารอบนี้ได้วิวแบบไม่มีด้วงอาทิตย์ แต่ก็ถือว่าดีที่นักท่องเที่ยวน้อย วิวเขียวๆดูไม่แห้ง ชุ่มฉ่ำและสดชื่น ถึงขนาดเจอน้องทาก เพราะปรกติที่เคยมาที่นี่ ไม่น่าจะได้เจอกัน แสดงว่าช่วงนี้อุดมสมบูรณ์จนทากย้ายบ้านมาอยู่ แต่ถ้าช่วงหนาวทากเหล่านี้คงหนีเข้าป่า


  


  





กลับจากภูชี้ฟ้าเข้ามาหาร้านนั่งชิวที่เมืองเชียงรายริมแม่น้ำกกสักหน่อย ร้านริมแม่น้ำที่เชียงรายมีให้เลือกเยอะแยะมากมายหลายร้าน สุดท้ายมาจบที่ร้าน มโนรมย์ ร้านนี้บรรยากาศชิวๆมีทั้งโซนเเอร์และโอเพ่นแอร์ ตกแต่งแบบถูกจริตผมหน่อย ส่วนเครื่องดื่มสำหรับผมไม่พ้นกาแฟครับ ส่วนอาหารทางร้านแนะนำผัดไทกุ้งใหญ่ก็เลยจัดไปครับ รสชาติอร่อยมีความปราณีตในการตกแต่งจานครับดูได้จากผักเครื่องเคียง 


ก่อนเดินทางไปสนามบินแวะนวดตัวที่ร้านแถวๆร้านมโนรมย์อีกสองชั่วโมงเพื่อเป็นการจบทริป เอาเป็นว่าทริปนี้เน้นชิวครับจะมีที่เหนื่อยสุดคงเดินขึ้นภูชี้ฟ้า






  







 





  





  





  


การเดินทางเที่ยวเชียงรายทริปนี้ สามวันสองคืน ถือว่าเป็นทริปที่ชิวไม่ได้เร่งเวลาอะไรมากมาย มีเวลาจิบกาแฟ ชมวิว และบรรยากาศก็ยังดีอีกด้วย ออกมาเที่ยวกันนะครับ