ระยะหลังมานี้ใครต่อใครมากมายก็รู้จักสะพานมอญมากขึ้น ทำให้สะพานมอญเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนมากมาย
ผมเองเคยเดินทางไปหลายครั้ง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไปหลายครั้งทั้งที่ ยังมีที่อื่นให้เที่ยวอีกมากมายหรือจะเป็น มนต์ขลัง สำหรับคนที่เคยไป ว่าไปแล้วต้องไปอีก
แต่ที่ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นคือ ข่าวสะพานมอญถูกน้ำพัดพัง และชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจสร้างสะพานไม้ไผ่หรือสะพานลูกบวบขึ้นมาแทน ด้วยความสวยงามนี่เองที่ทำให้สักครั้งในชีวิตต้องมาดู เพราะสะพานลูกบวบจะมีการรื้อหลังจากที่สะพานได้ซ่อมเเซมเสร็จสักระยะ
เดินทางเลยดีกว่า ผมเดินทางจาก กรุงเทพฯใช้ถนนเส้นบรมราชชนนี ผ่าน นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา กาญจนบุรี มุ่งหน้าตรงเข้าสังขละบุรี เส้นทางในการขับรถจะเป็นทางขึ้นเขาลงเขาช่วงตั้งแต่เลยจุดชมวิวป้อมปี่ แต่สามารถไปได้เรื่อยๆเพื่อความปลอดภัย
ส่วนที่พักของผมอยู่ก่อนถึงตลาดสังขละบุรี ซึ่งกว่าจะไปถึงที่พักก็มืดแล้ว เพราะแวะชมพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่ก่อน จุดชมวิวป้อมปี่เป็นเขตอุทยาน ก่อนเข้าต้องชำระค่าธรรมเนียมด้วยนะครับ แต่เมื่อแลกกับการชมพระอาทิตย์ตกผมว่าคุ้ม เพราะพระอาทิตย์ตกที่ป้อมปี่สวยมากและเหมาะกับการกางเต้นท์นอนที่สุด
ออกเดินทางต่อจากป้อมปี่ เข้าที่พักตอนกลางคืน นั่งเล่นสักพักแล้วก็เข้านอนเพราะว่าตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นเราจะไปใส่บาตรเช้าและชมวิวสะพานมอญในสายหมอกกัน
เช้าวันใหม่ ผมตื่นนอนตั้งแต่ยังไม่ตี 5 ดีรีบอาบน้ำแต่งตัวขับรถไปหมู่บ้านใกล้สะพานมอญ(ฝั่งวัด) พอไปถึงก็แอบตกใจกับปริมาณนักท่องเที่ยวและร้านค้าที่รอขายของเพื่อใส่บาตร รถแต่ละคันที่ขับเข้าไปจะมีชาวบ้านคอยนำทางหาที่จอดรถให้ด้วยความหวังว่าจะซื้อของใส่บาตรกับเขา แต่ถ้าเราไม่ซื้อเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
จอดรถเสร็จก็ต้องซื้อของใส่บาตรจากคนนำทางที่พามาหาที่จอดรถและปักหลักใส่บาตรอยู่แถวๆนั้น คนส่วนมากมักเดินไปรอที่สะพานมอญเลยซึ่งขอบอกตรงๆว่าคนเยอะมาก เราไม่รีบเลยไม่อยากไปเบียด อยู่ห่างๆรอพระท่านมาก็ได้ใส่บาตรเหมือนกัน สรุปผมรอประมาณ 2 ชั่วโมงถึงได้ใส่บาตรครับ
พอใส่บาตรเสร็จก็ถึงเวลาเดินเล่น จากระยะปีกว่าๆที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าสังขละบุรีเปลี่ยนไปมากพอสมควร ร้านขายของฝากมีมากขึ้นเยอะมากแต่ที่มากตามคือนักท่องเที่ยว เชื่อไหมครับว่าวันที่ผมไปคนเดินเต็มสะพาน จนต้องหามุมหลบเพื่อถ่ายรูปและมีน้องๆไกด์อาสาเข้ามาอธิบายและเล่าประวัติของสะพานมอญให้ฟัง ซึ่งก็มีค่าขนมติดมือให้น้องไปเหมือนกันจะมากจะน้อยก็แล้วแต่ครับ
มาถึงสังขละบุรีกี่ครั้ง ก็ต้องนั่งเรือไปวัดวังวิเวการามเก่า หรือโบสถ์จมน้ำ เรือมีให้เลือกหลายเจ้าแล้วแต่สะดวก มีทั้งเป็นเรือเที่ยวสำหรับคนที่ไปหมู่น้อย คนสองคน จนถึงเหมาลำ ในสายน้ำมีแต่เรือวิ่งเป็นสายพานักท่องเที่ยวออกเดินทางไปโบสถ์หลังเก่า
ที่โบสถ์จมน้ำหรือโบสถ์หลังเก่า มีน้องๆขายดอกไม้ราคาไม่แพง 10 บาทก็สามารถซื้อได้ ถือว่าเป็นค่าขนมน้องๆสำหรับไปโรงเรียน การมาเที่ยวครั้งนี้มีรอยขีดเขียนกำแพงโบสถ์มากกว่าเดิม เช่น บอกรักแฟน บอกรักแม่ พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกอะไรอยู่ในใจกับการกระทำ ถ้าจะบอกรักใครก็ไปบอกกับปากเถอะครับ อย่ามาขีดเขียนเลย
นอกจากกิจกรรมนั่งเรือ ที่สังขละบุรียังมีกิจกรรมอื่นๆให้สนุกกันอีกนะครับ ไม่ว่าจะเป็นล่องแพไม้ไผ่ ขี่ช้าง หรือจะเลยไปด่านเจดีย์สามองค์ก็ได้ หากมีเวลาน้อยเที่ยวสังขละบุรี 2 วัน 1 คืนก็พอครับ
#meesookde
ทะเลหมอก ทะเลหมอกท่องไว้ ณ จุดนี้หยุนไหลไปตอนเช้าเห็นแน่ ส่วนผมไปตอนบ่ายชมวิวเมืองปายรับแสงแดดจิบน้ำชา
จุดชมวิวหยุนไหล เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวเมืองปายและชมทะเลหมอกที่สวยที่สุด อยู่เส้นทางเดียวกับน้ำตกหมอแปง แต่ทางขึ้นชันมากต้องใช้เกียร์ต่ำสุดเพื่อความปลอดภัย
ที่จุดชมวิวมีค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาท ได้กล้วยกับน้ำชาฟรี มีลานกางเต้นท์และห้องน้ำ สามารถพักค้างคืนได้ ด้านบนมีมุมถ่ายภาพบนลานหญ้า เลือกมุมได้ตามชอบ
สำหรับผม หยุนไหล ถือว่าเป็นสถานที่ที่ชิลมากจุดหนึ่งเหมาะกับการใช้ชีวิตช้าๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ นี่แหละที่เรียกว่า ความสุข
#meesookde
ดำน้ำเกาะทะลุ 350 บาท สิ่งที่ได้ ฟินเว่อร์
ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกกับการดำน้ำที่เกาะทะลุ จ.ประจวบฯ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยแต่ไปดำที่อื่นและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกใต้น้ำของเกาะทะลุจะเป็นยังไง
การเดินทางไปดำน้ำมีเรือให้บริการหลายเจ้า แต่ครั้งนี้ผมไปกับเรือคุณสุชาติ ท่าขึ้นเรืออยู่ที่บางสะพานน้อย
ที่ท่าเรือคุณสุชาติ บางสะพานน้อย มีพี่ผู้หญิงรอรับ เป็นท่าเรือเล็กๆแต่เต็มไปด้วยเรือ ทริปของผมดีหน่อยไปวันธรรมดาเที่ยวน้อย เรือทั้งลำมีคนแค่ 8 คน ตอนที่ขึ้นเรือเพื่อรอเรือออก มีแมงกะพรุนเข้ามาที่ท่าเรือเยอะมาก พี่คนเรือบอกว่า ปรกติเข้ามาแค่หน้าหาด รอบนี้เข้ามาลึกและแมงกะพรุนที่เห็นถ้าโดนจะคัน
ระหว่างที่เรือมุ่งหน้าสู่เกาะทะลุซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ในระยะพอควร ใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 35 นาที เขาก็จะพาวนไปดูบริเวณทะลุก่อน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกาะ ขับวนให้ถ่ายรูปสักเกือบ 10 นาที แล้วย้ายไปทิ้งทุ่นบริเวณใกล้จุดดำน้ำ
วันที่ผมไปฝนไม่ตกและลมเพิ่งเปลี่ยนทิศทำให้น้ำเริ่มใส ตรงจุดจอดน้ำลึกประมาณ 4 เมตร สามารถมองเห็นใต้น้ำลางๆ
ก่อนลงน้ำผมถามกับพี่ที่เรืออีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าบริเวณนี้ถ้าลงไปจะเห็นอะไรบ้าง เขาบอกว่ามี........ผมเลยรีบกระโดดลงน้ำเพื่อไปดูเลยครับ เพราะใจลึกๆไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่ามี......
ผมใช้เวลาดำน้ำไม่นานก็เจอกับสิ่งที่พี่ขับเรือบอกคือ ปลานีโม่และดอกไม้ทะเลไม่ใช่แค่ นิดๆหน่อยๆนะครับแต่เจอเยอะมากแทบไม่น่าเชื่อ แต่นอกจากดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูนแล้วยังมีหอยมือเสือ ปะการังเขากวาง
ผมใช้เวลาดำน้ำอยู่ที่จุดแรกประมาณ 1 ชั่วโมง ได้ภาพใต้ท้องทะเลมาเยอะพอสมควรก็เลยขึ้นมานั่งพักดื่มน้ำและกินข้าวกล่องที่ทางเรือเตรียมไว้ให้ เป็นเมนูข้าวผัดกับไก่ทอดและมีผลไม้เป็นลองกอง ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งน้ำอัดลมและน้ำเปล่า
เมื่อทุกคนขึ้นเรือเสร็จก็มุ่งหน้าไปที่จุดดำน้ำที่สองคือใกล้หน้าหาดเกาะทะลุ บริเวณนี้มองไกลๆน้ำจะมีสองสีเป็นสีฟ้ากับสีเข้าเพราะใต้พื้นน้ำไม่เหมือนกัน บริเวณจุดที่สอง ส่วนมากเป็นปะการังสมอง ปะการังเขากวาง จุดนี้หอยเม่นจะเยอะหน่อยเวลาดำน้ำต้องระวัง
และจุดสุดท้ายที่ไปดำน้ำคือ เกาะสิงห์ เป็นเกาะเล็กๆอยู่ระหว่างเกาะทะลุกับฝั่ง ที่เกาะมีโพรงถ้ำทะลุด้านบนและด้านข้างสำหรับผมคิดว่าจุดนี้น่าจะเป็นไฮไลท์ ส่วนโลกใต้น้ำจุดนี้เมื่อเทียบกับจุดแรกด้วยกว่านิดหน่อยครับแต่มีโอกาสที่จะเจอปลาเป็นฝูงว่ายวนตัวเราและกระแสน้ำตรงนี้จะแรงกว่าทั้ง2จุดที่ดำมา
ใช้เวลาทั้งทริปเรือออกประมาณ 9 โมงกลับถึงฝั่งบ่ายโมง ประมาณ 4 ชั่วโมงกับราคา 350 บาทรวมอาหารกล่องและเครื่องดื่ม ถือว่าคุ้มครับ สามารถวางแผนมาเที่ยวได้สบายๆที่สำคัญเดินทางไม่ไกลก็ได้ดำน้ำดูปลาการ์ตูน
การเดินทางครั้งนี้ขอขอบคุณ
ที่พักสวยๆ นอนสบายๆ จาก Sunshine Paradise Resort ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ www.sunshineparadise-resort.com