วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตูบนา โฮมสเตย์ (ปล่อยใจไปกับทุ่งนาสีเขียว สายหมอกและสายฝน)



Mr.Meesookde : Review ตูบนา โฮมสเตย์ (ปล่อยใจไปกับทุ่งนาสีเขียว สายหมอกและสายฝน)

Mr.Meesookde (มิสเตอร์มีสุขดี) รายงานตัวครับผม ทริปนี้จะพาไปปล่อยใจปล่อยกาย กลางทุ่งนาสีเขียวที่มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวออกไปและสัมผัสกับบรรยากาศของสายหมอกวิ่งผ่านยอดเขาสูง ที่ ตูบนาโฮมสเตย์ อ.ปัว จ.น่าน

หน้าฝนใครๆก็ว่าเป็นหน้า  โลว์ซีซั่น ซึ่งหลายๆคนอยากให้เรียกว่า กรีนซีซั่น ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะการเดินทางท่องเที่ยวหน้าฝนจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ใครหลายคนไม่อยากออกเดินทางท่องเที่ยว หน้าฝนสำหรับผมคือสวรรค์เลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลที่คนเที่ยวน้อยไม่วุ่นวายและมีโปรส่วนลดอาหารที่พักเยอะแยะมากมาย 

ทริปนี้เลยมุ่งหน้าไปหาที่พักแบบปล่อยกายไปกับธรรมชาติที่ จ.น่าน ก่อนวันเดินทางไม่กี่วันที่ อ.ปัว มีน้ำป่าหลากก็คิดอยู่ว่าจะเดินทางไปดีไหม แต่ในเมื่อจองทุกอย่างแล้วก็ต้องลองเดินทางมาครับ (ซึ่งค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,800 รวมขันโตกมื้อเย็นและอาการเช้า) ผมใช้เส้นทางผ่าน อยุธยา ยาวมานครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิต อุตรดิตถ์ แพร่ เข้าน่านแล้วเลยออกมา อ.ปัว เส้นทางขับแบบสบายๆไม่ยาก แต่ผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมงเพราะขับรถแวะไปเรื่อย

ก่อนถึงที่พัก ตูบนา โฮมสเตย์ ทางที่พักได้โทรมาสอบถามเรื่องการเดินทางเพราะเป็นห่วงเนื่องจากฝนตก เมื่อเดินทางมาถึงที่พักก็ขอเก็บภาพห้องสักหน่อย เพราะเดี๋ยวเอาของเข้าห้องพักก่อนแล้วของจะเต็มห้อง 







ห้องพักชมวิว เป็นห้องพักขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องน้ำในตัวและมีดาดฟ้าให้นั่งเล่นชมวิวท้องทุ่งนาและภูเขา ภายในห้องพักมี โทรทัศน์ แอร์ ตู้เย็น ผ้าเช็ดตัวเครื่องอาบน้ำ ไดร์เป่าผม ก็สมน้ำสมเนื้อกับราคาที่จ่ายไป 







หลังจากถ่ายรูปห้องพักและเก็บของเสร็จก็ออกมาถ่ายบรรยากาศรอบๆโฮมสเตย์ ซึ่งจะมีโซนเปิดใหม่อีก 4 ห้องช่วงเดือนตุลาคม รวมเป็น 8 ห้อง แต่โซนใหม่ขอบอกว่าน่ากลับมาพักอีกครั้งเพราะห้องพักเป็นประมาณไม้ไผ่สานวิวหน้าห้องเป็นท้องทุ่งนา มีสะพานไม่ไผ่สานเดินเข้าห้องพัก ซึ่งถ้าทำเสร็จและเปิดให้พักผมว่าจะเป็นห้องที่คนจองมากที่สุดแน่นอน


















ผมถ่ายรูปและนั่งชมวิวให้อิ่มเอมกับบรรยากาศอยู่พักใหญ่ จนถึงเวลามื้อเย็น เย็นนี้ทาง ตูบนา โฮมสเตย์ จัดเตรียมชุด ขันโตก ไว้ให้ ในโตกมีประมาณ 8 อย่างรวมน้ำพริก คือ ไส้อั่ว ต้มจืด ปลาทอดสมุนไพร แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกากหมู แกงฮังเล ตำถั่วฝักยาวและผักสด ขอบอกว่าจัดเต็มมาก ส่วนรสชาติสำหรับผมถือว่าถูกปากครับ 











เช้าวันใหม่หลังจากที่เมื่อคืนนอนหลับอย่างสบายเพราะฝนตก เช้านี้ อากาศเลยดีเป็นพิเศษ ทีแรกนัดกินมื้อเช้าประมาณ 9 โมงแต่สุดท้ายเรทไป 10 โมงเพราะว่าพอตื่นขึ้นมาก็เก็บข้าวของพร้อมเดินทางต่อ มื้อเช้าเป็นเมนูง่ายๆ มีข้าวต้ม ชา กาแฟ ขนมปัง ไข่ดาวแต่ที่พิเศษคงจะเป็น อโวคาโด้ ที่ทางตูบนา โฮมสเตย์ปลูกไว้ รสชาติอร่อยหอม มัน จิ้มกับนมข้นเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก







ส่วนตัวคิดว่า ตูบนา โฮมสเตย์ เป็นหนึ่งสถานที่ที่ประทับใจในการเดินทางมาพัก ถึงแม้ว่าจะเป็นโฮมสเตย์แต่การดูแลและการบริการที่ได้รับถือว่าดีและอยากแนะนำให้ลองมาพักกันดูครับ 

ติดตามการเดินทางได้ที่
www.facebook.com/alonetravel
www.facebook.com/meesookde 

www.meesookde.com



วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สมุย เที่ยวชิล กินอิ่ม นอนสบาย




สมุย เที่ยวชิล กินอิ่ม นอนสบาย


Mr.Meesookde รายงานตัวครับผม ทริปนี้ผมจะพาบินลัดฟ้าจากสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าตรงไปยัง เกาะสมุย ด้วยสายการบิน Bangkok Airways และทริปนี้จะขอเที่ยวแบบชิลๆ ชมวิวสวยๆ กินเต็มอิ่มทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารทะเลและนอนสบายๆที่พูลวิลล่าริมทะเลและทริปนี้ผมใช้ภาพจากกล้องโทรศัพท์มือถือ Huawei P9 Plus ทั้งหมดครับ


อย่างที่บอกครับว่าทริปนี้บินตรงไปเกาะสมุยเพราะได้ตั๋วโปรโมชั่นราคาถูกจาก Bangkok Airways ที่จองไว้นานแสนนาน และเวลาดี๊ดี คือขึ้นเครื่องประมาณตีห้าครึ่ง แต่ปกติต้องไปล่วงหน้าสักหนึ่งชั่วโมง ก็ตีสี่กว่าๆ ตอนที่ไปถึงเค้าเตอร์ยังไม่เปิดครับ แต่เริ่มมีคนต่อแถว เลยเช็คอินทางเว็บแทนเพราะแถวจะสั้น รอแค่โหลดกระเป๋าอย่างเดียว




















หลังจากที่โหลดกระเป๋าเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไป lounge เพราะยังมีเวลาเหลืออีกพอสมควร ด้วยความที่ไม่ได้เดินทางกับ Bangkok Airways มาสักระยะหนึ่งทำให้ไม่ได้แวะมาที่ lounge เลย พอมาครั้งนี้บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก มีโซนต่างๆเพิ่มมากขึ้นแต่ด้วยความที่เช้าเกินไป ข้าวต้มมัดยังไม่มา แอบเสียใจ 








จากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่เกาะสมุยใช้เวลาไม่นาน เรียกว่ายังไม่ทันหลับสักตื่นก็ถึงแล้ว ระหว่างบินมีอาหารเช้าเป็นโจ๊กกุ้งเห็ดหอม อร่อยใช้ได้ เหมาะที่สุดกับมื้อเช้าบนเครื่อง 




เมื่อถึงสนามบินเกาะสมุย ที่เป็นสนามบินของ Bangkok Airways ก็แอบประทับใจกับการตกแต่งที่เป็นธรรมชาติจะเรียกว่าเป็นสนามบินแนวอาร์ตก็ได้ แต่เก๋ดี ชอบๆ 


หลังจากที่รับกระเป๋าเสร็จก็เดินออกไปจุดนัดหมายเพราะทริปนี้มีรถรีสอร์ทมารับครับ ยืนถือป้ายชื่อเด่นชัดเลยทีเดียว 












จากสนามบินใช้เวลาไม่นานรถตู้ของ สมุยรีโซเทล รีสอร์ทก็พาผมมาถึงยังที่พัก เวลาที่ผมถึงประมาณ 9 โมง โชคดีครับที่สามารถเช็คอินได้เลย ซึ่งปกติต้องรอเช็คอินช่วงบ่ายและเมื่อเช็คอินเสร็จพนักงานก็พาเดินไปยังห้องพัก เป็นห้องพักพูลวิลล่าริมทะเล ระหว่างนั้นพนักงานก็แนะนำส่วนต่างๆของห้องพัก







ห้องโอเชียนซีวิว พูลวิลล่า เป็นห้องพักที่มีสระว่ายน้ำและอยู่ติดทะเล สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีครบ มาที่ส่วนห้องน้ำก่อน ภายในห้องน้ำจะแบ่งออกเป็นสี่โซน โซนแรกตอนเปิดประตูเข้าไปจะเป็นอ่างอาบน้ำ ด้านขวามือเป็นโซนแห้ง ด้านซ้ายมือเป็นโซนเปียก ส่วนด้านหน้าห้องน้ำจะเป็นอ่างล้างหน้า


ในส่วนห้องนอน นอกจากเตียงยังมีทีวี กาน้ำร้อน ชา กาแฟ ผลไม้ มินิบาร์ ตู้เสื้อผ้า ตู้เซฟ 





พอเปิดประตูออกไปด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำ มีเตียงให้นอนเล่นชมวิวทะเลแบบสุดชิล










หลังจากที่ถ่ายรูปห้องพักมุมต่างๆและเก็บของเสร็จ ขอเอนร่างสักนิด เพื่อเพิ่มพลังเพราะวันแรกมีจุดหมายไปกินมื้อเที่ยงแถวบางปอและร้านที่จะไปลองชิม คือ บางปอซีฟู้ด(ตาโข) 




ก่อนเดินทางบนเกาะ ผมตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซด์หน้ารีสอร์ท เจ้าของพูดคุยเป็นกันเองดีครับ ราคาก็ไม่แพง ก่อนขี่รถออกจากร้านพี่เขายังแถมน้ำมันให้อีกขวด ถ้าซื้อก็ตกขวดละ 40 บาท ผมขี่รถประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถึงแถวบางปอ แถวนี้อาหารทะเล อาหารพื้นบ้านขึ้นชื่อว่าถูกกว่าละแวกอื่นบนเกาะ 





ร้านบางปอซีฟู้ด(ตาโข) เป็นร้านริมทะเล บริเวณหาดเป็นหาดหินไม่สามารถเล่นน้ำได้ มีส่วนที่เป็นหาดทรายบ้างไว้สำหรับตั้งโต๊ะอาหารมื้อเย็นริมทะเล อาหารที่ขึ้นชื่อก็อาหารพื้นเมือง  รสชาติอาหารส่วนมากถูกปากที่สำคัญราคาไม่แรง ถือว่าคุ้มกับการขี่รถมาเกือบครึ่งชั่วโมง 





















อิ่มท้อง อิ่มบรรยากาศแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับรีสอร์ท เพื่อไปเดินเล่นชมวิว บริเวณ หาดเฉวง ช่วงที่ผมมาเป็นช่วง high season ของเกาะสมุย หนึ่งวันที่ผ่านมาผมยังไม่เจอนักท่องเที่ยวชาวไทยแม้แต่คนเดียว เพราะอิตาลียึดครอง มาเที่ยวเยอะมาก อีกอย่างคนไทยคงกังวลและกลัวว่าฝนจะตก ในทะเลบริเวณหาดเฉวงมีแต่นักท่องเที่ยวที่เป็นคู่รัก มากันเป็นคู่ บางคู่ก็เขียนลงทรายว่ามาฮันนีมูน ดูแล้วก็มีความสุขดีครับ ส่วนผมถึงเวลาค่ำก็ลงเล่นที่สระว่ายน้ำส่วนตัวอย่างสบายใจและวางแผนต่อว่าวันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปที่ไหนดี






เช้าวันที่สองของการเดินทาง เช้านี้ตื่นไม่สายมาก เพราะอยากมีเวลาเยอะๆในการเดินทางแบบเรื่อยเปื่อยบนเกาะ ทีแรกจะจะไปหมู่เกาะอ่างทอง แต่ด้วยฝนฟ้าไม่เป็นใจเรือไม่ออก อดไปครับ เลยเปลี่ยนแผนด้วยมื้อเช้าที่รีสอร์ทครับ สำหรับมื้อเช้าที่รีสอร์ทมีอาหารให้เลือกพอสมควรไม่ถือว่าน้อยและก็ไม่เยอะมาก 

















หลังจากเตรียมพร้อมกับข้อมูล ที่หมายหลักๆในวันนี้คือน้ำตกหน้าเมือง1 ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และสูง ผมออกเดินทางจากรีสอร์ทตอนประมาณ 9 โมงเช้า แวะจุดชมวิว หินตาหินยาย และหลงเข้าป่าทุเรียนไปชมวิวที่ร้านอาหารบนเขา พี่เจ้าของร้านใจดีครับ พอรู้ว่าเป็นคนไทยก็ลดราคาให้ แล้วยังจะแถมทุเรียนให้กินอีก ขาลงแวะน้ำตกเขาใหญ่แอบรู้สึกผิดหวังเบาๆ 














ออกจากรีสอร์ทตอน 9 โมงเช้า ขี่รถไปมาจนเที่ยงยังไม่ถึง นี่ขนาดระยะทางแค่ ไม่กี่สิบกิโลเองนะครับ ก็แวะเยอะมากขนาดนี้คงไม่น่าแปลกใจ ขี่รถจนเที่ยงก็เริ่มหิวเลยแวะกินข้าวข้างทางร้านชาวบ้าน เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ขนมจีน 35บาทมีผักกับน้ำแกงน้ำยาให้เลือกเยอะมาก แม่ค้าก็ใจดี ขนาดตอนที่ผมโพสต์ลง Facebook ยังมีคนถามว่า ราคานี้บนเกาะสมุยยังหากินได้อีกเหรอ เพราะว่าราคาถูกมาก 





เมื่ออิ่มท้องมื้อเที่ยงก็ขี่รถวนไปต่อเรื่อยๆแวะตลอดทางจนบ่าย เลยแวะจิบกาแฟตรงทางเข้าน้ำตกเพื่อคลายร้อนก่อนสักพัก จากนั้นก็ขี่รถขึ้นไปยังน้ำตกหน้าเมือง1 ที่น้ำตกจะเสียค่าจอดรถ 20 บาท ถ้าใครเข้าห้องน้ำ 10 บาท ส่วนตัวคิดว่าราคาแรงไปนิด เพราะชาวต่างชาติยังเมินหน้าหนีกับค่าเข้าห้องน้ำ  กลับมาที่น้ำตกดีกว่าครับ ตัวน้ำตกค่อนข้างสูง มีที่ให้กระโดดน้ำเล่นและในส่วนตัวก็ยังถือว่าคิดถูกที่เดินทางมาที่น้ำตกหน้าเมืองครับ อีกอย่างจากที่จอดรถเดินไม่ไกลก็ถึงตัวน้ำตกเลย สุดท้ายเป้าหมายของวันนี้ก็เรียบร้อย













มื้อเย็นวันนี้สั่งของรีสอร์ทกินแบบเต็มที่ไม่ยั้งมาเป็นเซ็ตใหญ่ๆกับอาหารคาวหวานประมาณ 7 เมนู อร่อยคุ้มราคาครับ 











เช้าวันที่สาม วันสุดท้ายบนเกาะสมุย แต่ผมยังมีเวลาอีกทั้งวันเพราะนัดรถของรีสอร์ทไปส่งที่สนามบินตอนเย็น ทำให้วันนี้ไปตามล่าหามุมชิลและความชิลที่หมายของวันนี้คือ The Jungle Club ร้านอาหาร กาแฟ เก๋ๆวิวดีดีบนภูเขา ที่จะได้เห็นวิวทะเลแบบเปิดกว้างสวยงาม

การเดินทางไปชิลมุมสูงวันนี้ใช้รถมอเตอร์ไซด์เช่นเคย จากที่พักใช้เวลาแค่ 10 นาที ทางขึ้นชันมากคนที่จะเดินทางไปต้องระวังให้มากครับ โดยเฉพาะขาลงอันตรายไม่แพ้กัน ที่ The Jungle Club จะเป็นโซนที่พักกับโซนร้าน โซนที่ผมเข้าได้คือโซนร้านครับ ไม่เช่นนั้นจะเก็บภาพบรรยากาศที่พักมาฝากแล้ว 


















The Jungle Club โซนร้าน ก่อนเดินทางไปแนะนำให้จองก่อนครับ เพราะว่าเมื่อไปถึงจะได้นั่งชิลแบบยาวๆได้เลย ส่วนตัวคิดว่าที่นี่บรรยากาศชิลดีครับ วิวดี พนักงานบริการดี แนะนำไม่ผิดหวัง และที่นี่ผมได้กินสัปปะรดทอดเป็นครั้งแรกของชีวิต ทีแรกจะสั่งกล้วยหอมทอดแต่หมด เลยได้ของที่ไม่เคยกินมากินแทน ก็อร่อยแบบแปลกๆครับ เพราะอย่างที่บอก กินสัปปะรดทอดครั้งแรกในชีวิต 

ลืมเล่าไปเลยครับว่า มื้อกลางวันทีแรกจะไปหาอาหารทะเลกินแถว fisherman village วนไปวนมาหลายรอบไม่ได้ร้านแต่ทำให้รู้ว่าใครอยากได้ความบันเทิงให้ไปพักแถวนั้นครับ เครื่องเล่นเพียบ ไม่ว่าจะเป็น jetski flyboard และอื่นๆ ตอนกลางคืนจะเป็นร้านดื่มและถนนคนเดิน และมาจบที่อาหารอีสานรสเด็ดและราคาไม่แพง










ก่อนขึ้นเครื่องกลับยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงเลยไปนอนนวดริมทะเล ราคาแค่ 200 บาทต่อชั่วโมง แต่เรื่องวิวและบรรยากาศไม่ต้องพูดถึง ฟิน..คำเดียวพอครับ 



ทริปนี้เรียกได้ว่าสุดคุ้มตั้งแต่ได้ตั๋วโปรของ Bangkok Airways ที่พัก Samui Resotel Beach Resort ที่จองก่อนเดินทางแค่ 7 วันกับห้อง โอเชี่ยนพูลวิลล่า อาหารพื้นเมืองที่ บางปอซีฟู้ด(ตาโข) วิวบรรยากาศและมิตรภาพจาก ลัดดาดอย และความชิลที่ The Jungle Club ถือว่าการเดินทางมาสมุยครั้งนี้ประทับใจครับ

ภาพเพิ่มเติม