น้ำตกตาดกวางสี |
หลวงพระบางเป็นเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวตั้งเป้าไว้ว่าจะขอเดินทางไปสักครั้ง ผมเองก็เช่นกัน จากที่ตั้งเป้านานเป็นปี "เพราะหนังเรื่องสะบายดีหลวงพระบาง" ในที่สุดก็ได้โอกาสเดินทางไปเค้าท์ดาวน์ช่วงปีใหม่
บางคนบอกว่าไปหลวงพระบางใช้เงินเยอะ โดยเฉพาะค่าเดินทาง ค่าตั๋วอย่างเดียวไปเที่ยวเกาหลีญี่ปุ่นได้เลย อันนี้จริงครับไม่เถียง แต่ว่ายังไงก็คนละที่กันอยู่ดีและการเดินทางไปหลวงพระบางก็มีตั้งหลายวิธี
คือ การนั่งรถทัวร์จากไทยไปหนองคาย เวียงจันทน์ ต่อรถไปหลวงพระบาง ซึ่งต้องนั่งกันเมื่อย บางคนก็นั่งจากวังเวียงชนิดที่เรียกว่าข้ามคืน บางคนก็ขับรถจากไทย บางคนก็นั่งเครื่องลงเวียงจันทน์แล้วต่อรถ ส่วนผมยอมย่นเวลาด้วยการจ่ายแพงนิดแต่ใช้เวลาน้อย
คือการนั่งเครื่องบิน บินตรงลงสนามบินหลวงพระบาง ซึ่งใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิดๆ
เรามาเดินทางไปหลวงพระบางพร้อมกันเลยครับ
วันแรกของการเดินทาง 31 ธันวาคม 2557
14.00น. หลังจากที่กระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์ต่างๆพร้อม ก็เรียกแท็กซี่ด้วย App รอบนี้ลองใช้บริการของ Grab Taxi ครับ รอไม่นานที่สำคัญไม่ต้องเสียเวลาไปยืนโบกรถแล้วลุ้นว่าจะไปสนามบินไหม เรียกว่าทริปนี้เอาสบาย
จากนั้นก็ผ่านจุดตรวจอาวุธและด่านตรวจคนออกเมือง ที่ด่านตรวจมีให้เลือกสองแบบคือ อัตโนมัติและแบบสแตมป์จากเจ้าหน้าที่ ส่วนตัวผมรอบนี้เลือกแบบสแตมป์ครับ
เพราะเดินทางด้วยบางกอกแอร์เวย์ ก่อนขึ้นเครื่องต้องแวะไปที่เล้าจน์อย่างแน่นอน หาขนมรองทองแถมด้วยกาแฟสักแก้ว
อาหารมื้อที่ทานสูงที่สุด บนความสูง 30,000 ฟุต มั๊ง... |
เปิดดูหน้าตาอาหารเป็นปลาและกุ้งเสิร์ฟมาพร้อมกับผักสลัด แต่ที่นั่งข้างๆผม อาหารมาทีหลังเป็นห่อหมกปลากราย ผมนี่แทบอยากเปลี่ยนเลย! แต่ต้องขอบอกว่าข้อดีของสายการบินนี้แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงแต่ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มทั้งอาหารเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีครบเพลิดเพลิน
เห็นพระธาตุจอมพูสีอยู่ไกลๆ |
ลาว เทเลคอม ซิมอินเตอร์เน็ตแบบเติมเงิน |
ชะโงกดูเมืองตอนกลางคืน |
สลัดหลวงพระบาง |
ต้มข่าไก่ |
20.30น. หัวเสือกระป๋องแรก ก็เริ่มขึ้นที่ลานงานฉลองปีใหม่ใกล้ถนนคนเดินหัวเสือก็คือเบียร์ลาว แต่คนที่นั่นเรียกว่าหัวเสือ ถ้าสั่งหัวเสือแก้วก็จะได้มาเป็นขวดครับ แต่บรรยากาศและอากาศกำลังเย็น
ได้ที่ ทำให้หัวเสือรสชาติชื่นใจและที่ลานก็มีการแสดงบนเวที ซึ่งยืนดูอยู่สักพัก พลุชุดแรกก็ถูกจุดขึ้นไปประดับแสงสีบนท้องฟ้าสวยงาม ถือว่าเป็นการต้อนรับที่ดีจริงๆ ฮ่าาาา
22.00น. ดูการแสดงเรื่อยๆเริ่มเมื่อย หัวเสือหมดไป 2 ขอเดินสักหน่อย ด้วยการเดินเที่ยวถนนคนเดินที่ตลาดใกล้วายแล้ว เพราะดึกไปสักหน่อย ถนนยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ของที่ขายส่วนมากไม่ต่างกันเท่าไร เช่น เสื้อผ้าสกรีนลายชื่อหลวงพระบาง เสื้อชนเผ่า ผ้าทอ กระเป๋า งานไม้ ฯลฯ
ถนนคนเดิน |
00.00น. พอได้เวลา เครื่องเสียงจากทุกๆที่ที่มีการฉลองวันปีใหม่ก็เริ่มนับ สิบ เก้า แปด ... สาม สอง หนึ่ง Happy New Year 2015 เป็นอันว่าเราเข้านอนได้ เพราะรุ่งเช้านัดน้องแสงไว้เพื่อเดินทางเที่ยวต่อ อ้อ ลืมบอกไปที่นี่ส่วนใหญ่เค้าชอบฟังเพลงไทย เพลงชักกระตุกนี่ฮิตมาก ได้ยินเป็นสิบๆรอบได้ ฮ่าๆๆๆ
วันที่สองของการเดินทาง
ตักบาตรเช้า |
6.30น.ตื่นแต่เช้าล้างหน้าแปรงฟันแล้วรีบแต่งตัวออกไปตักบาตรเช้าในเมือง กับภาพที่วาดฝันพระจำนวนนับร้อยเดินบิณฑบาตร ปรากฏว่าเมื่อเราเดินไปถึงที่ก็เต็มซะแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก เลยต้องรอให้บางส่วนใส่บาตรเสร็จแล้วค่อยเข้าไปแทนที่ การตักบาตรที่นี่จะนิยมตักบาตรด้วยข้าวเหนียวในตอนเช้ามืดและช่วงสายๆถึงจะนำอาหารไปถวายที่วัด การเตรียมตัวไม่มีอะไรมากเพราะข้าวเหนียวสามารถหาซื้อได้ที่บริเวณตักบาตร จะมีผ้าคาดให้เรายืมด้วย ผู้หญิงนั่งผู้ชายยืน
มื้อเช้า |
8.00น.อาหารเช้าวันนี้ง่ายๆเพราะเป็นมื้อเช้าที่รีสอร์ท เป็นแพนเค้ก ไข่ต้ม กาแฟและน้ำชา เพื่อเติมพลังในการเดินทาง
9.30น.น้องแสงมารับพร้อมเพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 คนเพื่อไปถ้ำติ่ง การเดินทางรอบนี้แอบสบายนิดๆเพราะมีรถมารับเป็นรถกระบะ 4 ประตู เอาไว้ลุย ระหว่างทางออกเมืองน้องก็แวะร้านขายของทีแรกผมก็งงว่าแวะทำอะไร สุดท้ายหยิบหัวเสือมาให้อีกแล้วครับ แต่วันเลย เอามาแล้วกลัวเสียน้ำใจก็ชนกระป๋อง (ที่ลาวไม่ได้ห้ามดื่มขณะขับขี่)
ทางไปถ้ำติ่ง |
ค่าธรรมเนียม 20,000 กีบ |
17.30น.หลังจากที่เดินขึ้นมาอย่างเหนื่อยเพราะว่าทางค่อนข้างชัน พอมาถึงจุดก็ต้องตะลึงกับคนที่มารอชมพระอาทิตย์ตก เพราะว่ามากันเยอะมาก คนที่มาเร็วๆ คือ ฝรั่ง มารอตั้งแต่บ่ายสอง บ่ายสาม เพื่อขอชมวิวพระอาทิตย์ตกด้านหน้าสุด แต่ก็ยอมรับครับว่า วิวพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยจริง เพราะอาทิตย์ตกที่สันเขา ด้านล่างเป็นแม่น้ำทำให้แสงแดดทอประกายบนผิวน้ำ สีทองระยิบระยับ
มุมจากพระธาตุจอมพูสี |
พระอาทิตย์ตก |
วันที่สาม วันสุดท้ายของการเดินทาง
วันนี้ไม่มีน้องแสงนำทางต้องออกไปเผชิญโลกกว้างเองรีบตื่นนอนแต่เช้าเพราะเป้าหมายของวันนี้คือน้ำตกตาดกวางสีและเที่ยวเมือง เช่น วัดเชียงทอง บ้านเจ็ก
7.30น.ตื่นเช้าตามปกติและแน่นอนกิจกรรมต่อมาคือ กินอาหารเช้าของโรงแรม วันนี้วันสุดท้ายของการเที่ยวหลวงพระบาง เป้าหมายหลักที่จะต้องไปคือ น้ำตกตาดกวางสี ทำธุระที่โรงแรมเสร็จประมาณ 8 โมง ก็เดินเท้าไปสี่แยกใจกลางเมืองเพื่อที่จะไปขึ้นรถจัมโบ้ ระหว่างทางบังเอิญเจอร้านขายของกิน เป็นขนมเส้น เลยแวะจัดไป 1 ชาม แล้วเดินต่อไป
8.30น.ถึงบริเวณสี่แยกกลางเมือง จุดนี้มีกาแฟลาว ผลไม้ปั่น ขนมปังขายเยอะมากนอกจากนั้นยังมีคิวรสจัมโบ้ หลายเจ้าอีกด้วย ก่อนต่อรองราคารถจัมโบ้ก็จัดกาแฟลาวอีกหนึ่งแก้วใหญ่ๆ ส่วนการเดินทางเที่ยว บริเวณนี้มีรถจัมโบ้มาก พอเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวก็จะเดินมาถามว่าไปที่ไหนยังไงราคาเท่าไหร่ แนะนำว่าใจต้องแข็งหน่อย ราคาก็พอสมควร ส่วนที่เจอเองกับตัวคือ ขอราคานี้แล้วรถจะออกเลย สรุป รอคนอื่นมาจนเต็มคัน
9.00น.เดินทางถึงทางเข้าน้ำตกตาดกวางสี ค่าธรรมเนียมเข้าก็ 20,000 กีบ ยืนพื้น คนขับรถให้เวลาอยู่ที่นี่ 2 ชั่วโมง พอลงลงได้ก็เริ่มเดินไปจ่ายค่าธรรมเนียมและเดินเที่ยวเพราะกลัวไม่ทันเวลา ในเขตน้ำตกตาดกวางสีมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะพอสมควรต้องอาศัยความชิลค่อยๆถ่าย ถ่ายไปถ่ายมาแบตกล้องหมด ลำบากเลยครับทีนี้ ดีนะที่ข้างบนมีร้านกาแฟริมน้ำตกเลยจัดกาแฟไปอีกแก้วพร้อมขอชาร์ตแบต มุมของร้านกาแฟชิลดีครับ ราคากาแฟอยู่ที่ประมาณ 50-80บาทแล้วแต่ว่ากาแฟอะไร
17.00น.กลับไปเอากระเป๋าเพราะฝากไว้ที่โรงแรมและขึ้นรถจัมโบ้ไปสนามบิน
17.30น. ถึงสนามบินเค้าเตอร์เซ้คอินปิด เอาแหละยังไงตกเครื่องไหม แต่เราได้รับแจ้งว่าเครื่องดีเลย์เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่เขาเลยมาเปิดเค้าเตอร์ให้เพราะทีแรกคิดว่าคงจะไม่มีใครมาแล้ว แอบพูดในใจ แน่ล่ะสิเพราะคนอื่นไม่รู้ว่าเครื่องดีเลย์เลยมาเร็ว ฮ่า.... ก่อนกลับคิดว่ากะจะช็อปในร้านค้าปลอดภาษี แต่ผิดหวังที่ไม่มีเพราะอยู่ในช่วงปรับปรุง แอบเซ็งนิดหน่อย
ตลอดทริป 3 วันที่หลวงพระบาง บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ชิลๆสบายๆไม่เร่งรีบ ใช้ชีวิตช้าๆ เป็นเมืองที่น่ารัก มีกลิ่นอายวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คนเดียวก็สามารถเที่ยวได้ มีความปลอดภัย สามารถเที่ยวได้ทั้งชายและหญิง ถ้าหากอยากหลีกหนีความวุ่นวายจากในเมืองแล้วละก็ หลวงพระบางก็เป็นอีกทางเลือกที่หนึ่งที่น่าสนใจแก่การมาสัมผัสด้วยตัวเอง
โอ้โห...พึงได้เข้ามาอ่าน
ตอบลบสนุกมากครับพี่มี่