วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ดอยม่อนจอง

ยอดดอย ม่อนจอง ทุ่งหญ้าสีทอง ดอกกุหลาบแดงพันปี



ดอยม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งที่ที่นักเดินป่า ปีนเขารวมถึงเหล่าบรรดาฮิปสเตอร์ จะขอไปพิชิต ความสูง 1,727 เมตรที่หัวสิงห์ จากแรงโปรโมทของเว็บกระทู้ต่างๆมากมายกับความสวยงามของทุ่งหญ้าสีทองและวิวความสูง



ทริปนี้ออกเดินทางจากรังสิต ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ท่ามกลางความมืดในการเดินทาง หลับๆตื่นๆจน 7 โมงเช้า ก็ถึงอมก๋อย จุดนี้เราแวะกินข้าวดื่มกาแฟเรียกพลังก่อนเดินทางไปต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวขึ้นดอยม่อนจอง ร้านอาหารมี 2ร้านหลักๆเป็นร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว คือร้านบนตลาดและร้านป้าบัวผัน ทั้งสองร้านราคาไม่แพงครับ




จากถนนลาดยางเลี้ยวเข้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะเป็นทางดิน แต่รถตู้สามารถลงได้ครับ วันที่ผมเดินทางมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่กำลังเตรียมตัวเพื่อนขึ้นรถ 4WD ไปยังจุดเดินเท้า จากบริเวณนี้เราต้องเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเดินป่าหรือเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะต้องนั่งรถ 4WD ไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ






ตลอดเวลาในการนั่งรถบนเส้นทาง 4WD มีให้ลุ้นและตื่นเต้นตลอด ทั้งขึ้นทางชัน ลงทางชัน ทางเป็นหลุม สารพัด โยกไปเยกมา ทั้งชั่วโมง จนกำลังแขนเริ่มอ่อนล้า สุดท้ายก็ถึงจุดเดินเท้า 











เมื่อรถจอดที่จุดเดินเท้าเอาสัมภาระลงจากรถ จากนั้นก็กินมื้อเที่ยงเพื่อเติมพลังก่อนเดินแล้วจัดแจงแบกของออกเดิน 



ทางเดินช่วงแรกเดินสบายๆทางราบและเป็นทางลงยาวๆแต่ถ้าเป็นขากลับล่ะก็จะเป็นทางขึ้นยาวๆเช่นกัน ช่วงแรกจะเป็นป่าสนสองใบ สนสามใบ เดินไปเรื่อยๆประมาณไม่ถึงชั่วโมงสภาพป่าจะเปลี่ยนเป็นต้นไม้ใหญ่แทน เดินลัดเลาะสันเขาไปเรื่อยๆ มีผาให้ยืนรับลมเย็นๆและมีฝุ่นให้เราได้สูดเข้าปอดเป็นบางช่วง










เดินไปเรื่อยๆเกินครึ่งทางก็จะเจอ ภูหินช่อ จุดนี้จะมีหินตั้งสูงเด่นเป็นสง่าสามารถปีนขึ้นไปถ่ายรูปได้แต่ต้องระวังสักหน่อย ถ้าไม่มั่นใจก็อย่าเสี่ยงครับ 

จากภูหินช่อ ใช้เวลาเดินเท้าอีกชั่วโมงกว่าๆ ผ่านดินฝุ่นใต้ร่มเงาไม้และทางบางช่วงต้องเดินชิดขวาเพราะด้านซ้ายเป็นทางชันกึ่งผาแต่ไม่น่ากลัว














เมื่อเดินผ่านป่าจะมาพบกับเนินหญ้าที่ค่อนข้างชันแทบจะต้องตะกายขึ้นสำหรับบางคน เนินนี้ถือว่าเป็นเนินที่น่าจะชันและเสียวที่สุดตั้งแต่เดินทาง ด้วยความเอียงประมาณ 60 องศากับทางเดินที่เป็นดิน บางคนถึงกับลื่นไถลเลยทีเดียว แต่ว่าก็ไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไร












เมื่อผ่านพ้นเนินก็เดินต่อไปยังลานหญ้าที่กว้างมากหรือที่เรียกกันว่า สนามกอล์ฟช้าง(ลานกอล์ฟช้าง) บริเวณนี้ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกตะเป็นทุ่งหญ้าสีทองสวยมาก

ส่วนจุดกางเต้นท์ที่อยู่ในป่าต้องเดินลงเนินไปอีกหน่อย แต่ขาขึ้นก็เหนื่อยเอาเรื่องครับ บริเวณที่กางเต้นท์ไม่ได้เป็นลานแต่เราจะต้องกางเต้นท์ตามพื้นที่ระหว่างต้นไม้ ซึ่งมีข้อดีคือช่วยกันลม ข้อเสียคือ อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย 





เมื่อได้ที่กางเต้นท์เรียบร้อยก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่ลานหญ้า ซึ่งหลายๆคนก็เดินไปที่ หัวสิงห์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ด้วยความที่ต้องการทุ่งหญ้าสีทองบวกกับอากาศหนาวเลยไม่อยากไปไกลสักเท่าไร









ก่อนพระอาทิตย์ตก แสงสีทองถูกสาดไปบนเนินหญ้าทำให้เป็นเนินสีทองที่สวยงามเลยทีเดียว คุ้มค่ากับการเดินทางขึ้นดอยม่อนจอง 








เมื่อเก็บภาพกันอิ่มเอมก็ได้เวลานั่งดูพระอาทิตย์ตกและเมื่อแสงของวันหมดไปความหนาวก็มามากกว่าเดิมเพราะไม่มีแสงอุ่นๆจากแดดและลมก็เริ่มแรงขึ้น สุดท้ายทนไม่ไหวเดินกลับเต้นท์ทำอาหารกินเพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้เดินไปที่หัวสิงห์

วันนี้นอนไม่ดึกนั่งคุยกับเพื่อนร่วมทางสักพักแล้วเข้าเต้นท์นอนเพราะวันรุ่งขึ้นเรายังคงต้องเดินเท้าไปหัวสิงห์และเดินกลับระยะทางคร่าวๆ 10 กิโลเมตร 











เช้าวันใหม่ด้วยความที่อากาศหนาวทำให้ไม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่เดินไปเก็บภาพที่หัวสิงห์แทน ข้อดีมีอยู่คือ ไม่ต้องไปแย่งกันถ่ายภาพ ไม่หนาวและเห็นทัศนียภาพอื่นๆชัดเจน 




ระหว่างการเดินไปหัวสิงห์ต้องเดินผ่านเนินอีก 3-5 เนินกว่าจะถึงแต่ระหว่างทางก็มีมุมให้แวะถ่ายรูปตลอด รวมถึงดอกกุหลาบพันปี ซึ่งถ้ามาที่นี่ต้องเห็นเพราะเป็นไฮไลท์ส่วนหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าเรามาเช้ากว่านี้แล้วรีบเดินกลับภาพที่ได้จากการถ่ายคงไม่ต้องพูดถึงครับซึ่งจุดที่มี กุหลาบพันปี เยอะสุดก็ตรงหัวสิงห์นั่นแหละครับมีหลายต้นมาก บอกตรงๆว่าประทับใจและตื่นเต้น




















ถ่ายรูปเสร็จเดินกลับไปที่จุดกางเต้นท์ นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเดินทางกลับกันหมดแล้วแต่เรายังชิลๆกินข้าวให้อิ่มท้องแล้วถึงเก็บเต้นท์ กว่าจะได้ออกจากจุดนั้นก็ 11 โมงกว่าๆ ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินลง แต่ข้อดีคือเมื่อกลับไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวจะไม่มีใครแย่งห้องน้ำในการอาบน้ำ เพราะเรามาถึงจุดนี้ประมาณ 5 โมงเย็น อาบน้ำเก็บของขึ้นรถและไปกินมื้อเย็นที่อมก๋อยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ










ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง : ค่ารถตู้ ,ค่าน้ำมัน,ค่ารถ 4WD,ค่าลูกหาบ,ค่าอาหาร

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูลดอยม่อนจองจาก www.doimonjong.com

ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่บนทิวเขาถนนธงชัยตอนกลาง ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดยคำว่า “ม่อน” เป็นภาษาคำเมืองที่หมายถึง “ดอยหรือเนินเขา” ส่วนคำว่า “จอง” นั้น ภาษาคำเมืองจะออกเสียงว่า “จ๋อง” หมายถึง “ลักษณะจั่วสามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด” ซึ่งเรียกตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นยอดเขา และมีหน้าผาสูงชัน ดอยแห่งนี้ มีสภาพทางธรณีวิทยาเป็นภูเขาหินปูนผสมหินทราย หินเชลล์ และหินแกรนิตปะปนกัน ทำให่้ดอยแห่งนี้มีลักษณตื่นตาตื่นใจ คือ ไหล่เขาด้านตะวันออก จะค่อย ๆ ลาดลงไปและถูกปกคลุมไปด้วยป่าดิบเขาแน่นขนัด ส่วนด้านตะวันตก เป็นหน้าผาตัดสูงชันดำทะมึน มองไกลออกไปตามสันเขาแคบ ๆ ที่เลียบเลาะไปตามไหล่ผาอย่างน่าหวาดเสียวสู่ทิศใต้ ก็จะเห็นยอดภูผาดอยม่อนจอง ที่มีลักษณะคล้ายหัวสิงห์ ชูยอดเด่นตระหง่านอย่างน่าเกรงขาม โดยดอยหัวสิงเป็นจุดสูงสุดจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร ดอยม่อนจอง นับเป็นดินแดนแห่งสรรพสัตว์ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรี เช่น กวางผา หรือม้าเทวดา และ เลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน 2 ใน 15 ชนิดของเมืองไทย รวมทั้งฝูงช้างป่า และ “กุหลาบพันปี” ที่ว่ากันว่า เป็นต้นกุหลาบพันปี ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ดอยม่อนจอง มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เป็นดอยสวยงามอีกดอยหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะไม่ค่อยรู้จัก  บางคนได้เคยได้ยินได้ฟังมาบ้างเกี่ยวกับดอยม่อนจองว่าที่นี่เป็นแหล่งที่ อยู่ของเลียงผา กวางผา  ดอยม่อนจองไม่ใช่อุทยานแห่งชาติเป็นเพียงเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสังกัดอยู่ กับเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าออมก๋อย ผืนป่าดอยม่อนจองเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ป่า เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล ในด้านการท่องเที่ยว ดอยม่อนจองเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม บนเส้นทางเดินบนสันดอยไปสู่ยอดสูงสุดกว่า 3 กิโลเมตรเป็นจุดชมวิวที่เปิดโล่ง  ทางด้านซ้ายเป็นหน้าผาสูงมองลงไปจะเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทางด้านขวาเป็นป่าทึบซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และป่าทางด้านซ้ายนี้ยังมีพันธ์ไม้ที่สำคัญคือต้นกุหลาบพันปี มีขึ้นอยู่เป็นดงๆ แต่ละต้นมีขนาดใหญ่มากเรียกได้ว่าทีนี่เป็นแหล่งของกุหลาบพันปีที่สมบูรณ์ มาก ในช่วงฤดูหนาวจะออกดอกสีแดงสะพรั่งงดงามยิ่งนัก เมื่อกุหลาบพันปีมีดอกก็จะเป็นจุดดึงดูดให้นกสวยงามนานาชนิดมารวมกันที่นี้ เพื่อดูดกินน้ำหวาน นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวจะได้เห็นทั้งดอกกุหลาบพันปีและได้ ดูนกสวยงาม
ดอยม่อนจอง ขึ้นอยู่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องไพรมายังดอยม่อนจองก็คือ กวางผาหรือม้าเทวดาซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ที่นี่ และทิวทัศน์ที่สวยงามของทิวเขา และถ้ามาในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้พบดอกกุหลาบพันปีที่กำลังบาน ว่ากันว่าเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นกหายากที่พบที่นี่ ได้แก่ เหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีแถบปีกดำ นกอินทรีเล็ก นกเปล้าท้องขาว นกมุ่นรกคอแดง นกเดินดงคอดำ เป็นต้น

การเดินขึ้นดอยม่อนจองสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ แต่จะเหนื่อยมาก ต้องเริ่มออกเดินตั้งแต่ 06.30 น. เป็นอย่างน้อย หากเดินแบบไม่เหนื่อยเกินไปนักควรใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ก่อนเดินขึ้นดอยต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการเขตรักษาพันธุ์ฯ

ข้อมูลเพิ่มเติม 
080-1333970

ติดตามการเดินทางได้ที่ www.facebook.com/meesookde

                                       www.facebook.com/alonetravel


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น